ช่วงปี 1970s–1980s คือยุคเฟื่องฟูของเสื้อยืดพิมพ์ลายศิลปินดังทั้งหลายในยุคนั้นที่ขายกันในงานคอนเสิร์ตและทัวร์ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเสื้อยืดเหล่านี้กลายมาเป็น “เสื้อทัวร์วินเทจ” ที่ซื้อขายกันในราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน เป็นของสะสมที่แฟนๆ หลายคนตามหามาเก็บไว้ในคอลเล็คชัน และเป็นไอเทมสุดเท่ที่ใส่แล้วดูดี ไม่ซ้ำใคร หากคุณสงสัยว่า “วินเทจ” คืออะไร ทำไมเสื้อทัวร์วินเทจของศิลปินยุคนั้นถึงมีแต่คนเล่นกัน มีดีอะไร ทำไมถึงแพง บทความนี้มีคำตอบให้คุณ
นิยามของ “วินเทจ”
คำว่า “วินเทจ jul 30, 2012 – buy fluoxetine online, fluoxetine hcl 30mg, fluoxetine hcl 20 mg price . ” หรือ “vintage” หมายถึงกรรมวิธีหมักองุ่นเพื่อทำไวน์ ซึ่งยิ่งหมักนาน คุณภาพยิ่งดี และเมื่อมีการนำคำนี้มาใช้กับเสื้อผ้า ก็สะท้อนเป็นนัยว่า เป็นเสื้อผ้าที่เก่าแต่ยังมีคุณค่านั่นเอง ตามคำจำกัดความทั่วไปแล้ว “เสื้อผ้าวินเทจ” หรือ “vintage clothing” หมายถึง เสื้อผ้าที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 100 ปี (ถ้าเกินจะเรียกว่า “antique”) ซึ่งก็จะหมุนเปลี่ยนไปตามกาลเวลาที่ผ่านไป ดังนั้น เสื้อที่ผลิตในปัจจุบัน อีก 20 ปีต่อมาก็ย่อมกลายเป็นเสื้อวินเทจไปโดยปริยาย
ที่มาของความนิยม
ผู้คนต่างก็ชอบใส่เสื้อยืด โดยเฉพาะวัยรุ่น เพราะเป็นเสื้อที่หาง่าย สวมใส่สบาย ราคาไม่แพง ทั้งยังถือเป็นสัญลักษณ์ของ “ความเซ็กซี่” และ “ความรักอิสระ” มาตั้งแต่ยุค 1950s แล้ว ด้วยอิทธิพลสำคัญคือดาราฮอลลีวูดในช่วงนั้นคือ James Dean และ doxycycline long term use doxycycline for male acne doxycycline without prescription Marlon Brando ที่มักใส่เสื้อยืดในภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง
จากนั้น ดนตรี rock ‘n roll ที่นำโดย Elvis Presley, The Rolling Stones และ The Beatles เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกาช่วงปลายยุค 1950s ถึงต้น 1960s เหล่าแฟนคลับศิลปินเพลง rock, ค่ายเพลง, รวมถึงโปรโมเตอร์ ก็เริ่มทำเสื้อยืดพิมพ์ลายศิลปินวงต่างๆ ออกมาขายในแง่ของการแสดง “ระดับความเป็นแฟนพันธุ์แท้” และเพื่อเป็น “สื่อโฆษณา” บ้าง แต่ก็ยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก
เมื่อเทคโนโลยีการพิมพ์พัฒนาขึ้น มีการคิดค้นหมึก plastisol และเทคนิค screen printing บวกกับการที่ศิลปิน pop art ชื่อดังอย่าง Andy Warhol นั้นได้นำ screen printing มาใช้แสดงงานศิลปะของตนจนได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม คนทั่วไปก็เริ่มหันมาสนใจเสื้อยืดพิมพ์ลายต่างๆ มากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปลายยุค 1960s ที่มีการเคลื่อนไหวของพวกฮิปปี้ feb 3, 2012 – slaves hoped a order prednisone overnight savior would deliver them from slavery just as moses had delivered the order prednisone overnight ทำให้เสื้อยืดเพื่อ “การแสดงออกทางความคิด” ที่มีสโลแกนต่อต้านสงครามและแสวงหาสันติภาพได้รับความนิยมมากในหมู่วัยรุ่น ทั้งยังเป็นช่วงก่อกำเนิดเทศกาลดนตรีที่สำคัญอย่าง Woodstock อีกด้วย
ต่อมาในช่วงปี 1970–1980s ดนตรี rock แตกแขนงออกเป็นแนวย่อยอื่นๆ มีศิลปินอีกมากมายสร้างชื่อในยุคนี้ เช่น Grateful Dead(psychedelic rock), Pink Floyd (progressive rock), Ramones(punk rock), Aerosmith(hard rock), Metallica(heavy metal), Joy Division(post-punk), Sonic Youth where to buy dapoxetine online . men’s health. anti-fungus, general health, dental whitening. (alternative rock) เป็นต้น รวมถึงการถือกำเนิดของดนตรี hip hop และศิลปินที่สำคัญของแนวนี้อย่าง Beastie Boys, Public Enemy และ Run-D.M.C. ด้วย วงเหล่านี้ล้วนแล้วแต่ทำเสื้อยืดออกมาขายระหว่างทัวร์ ซึ่งกลายเป็นของที่แฟนเพลงต่างยื้อแย่งกันเป็นเจ้าของ
ปัจจุบัน ความเก่าและเก๋าของเสื้อทัวร์วินเทจทำให้เกิดคุณค่าทางจิตใจ ซึ่งแฟนเพลงผู้ที่โหยหาอดีต โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประสบการณ์ได้สัมผัสกับทัวร์ของศิลปินโปรดด้วยตนเองจึงตามล่าเสื้อเหล่านี้มาสะสม เมื่อกาลเวลาผ่านไปกว่า 20 ปี วงต่างๆ เริ่มล้มหายตายจากไป แต่ผลงานและชื่อเสียงที่พวกเขาทิ้งไว้ยังคงอยู่ เสื้อเหล่านี้จึงมีความน่าค้นหา รวมถึงเอกลักษณ์ของดีไซน์ เนื้อผ้า และการตัดเย็บที่หาไม่ได้จากเสื้อยุคใหม่ ทั้งยังมีคุณค่าทางศิลปะและประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษาจนนักสะสมของเก่าบางคนแม้ไม่ใช่แฟนเพลงของวงใดวงหนึ่ง แต่ก็หลงใหลในเสน่ห์ของเสื้อทัวร์วินเทจและโดดเข้ามาร่วมวงการด้วย บางคนก็สะสมเพียงเพราะแค่ความชอบเท่านั้น เมื่อเหตุผลต่างๆ นานาบวกกับความเจริญของเทคโนโลยีที่ทำให้ข้อมูลศิลปินต่างๆ สามารถสืบค้นได้จากอินเตอร์เน็ต การติดต่อสื่อสารข้ามโลกเป็นเรื่องง่ายดาย เสื้อทัวร์วินเทจของวงเหล่านี้จึงกลายเป็นกระแสความนิยมของนักสะสมทั่วโลกไม่ว่ารุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่ในที่สุด
ในโพสต์ต่อไป เราจะมาว่ากันต่อในประเด็นของ เหตุผลที่เสื้อเหล่านี้ราคาแพง, ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคา, ลายยอดนิยม, คำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น และ วิธีสังเกตความวินเทจของแท้