#SneakTheStyle วันนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ “ทู-สิราษฎร์ อินทรโชติ” นักแสดงหนุ่มมาดเซอร์ ซึ่งใครหลายคนน่าจะคุ้นหน้าเขาจากโฆษณาของ “The 1 Card” และมิวสิควิดีโอเพลง “ตัวปลอม” ของ Potato ด้วยใบหน้าที่นิ่งขรึมและสไตล์การแต่งตัวที่ละม้ายคล้ายคลึงกับชาวญี่ปุ่นจนหลายคนต่างพากับตั้งฉายาให้กับเขาว่านิปปอนบอย แต่ใครบ้างจะรู้ว่าเบื้องหลังมาดนิ่งเงียบของเขานั้นกลับแอบซ่อนอารมณ์ขันและมุขตลกไว้อย่างเต็มเปี่ยม และชวนให้เรายิ้มได้ทุกครั้งตลอดการสนทนา จนเราอยากจะนำเอาเรื่องราวของชายหนุ่มผู้นี้มาแชร์ให้ทุกคนทราบถึงที่มาที่ไปของสไตล์การแต่งกายแบบนิปปอนบอยและความฝันสูงสุดของผู้ชายที่ชื่อว่า “ทู อินทรโชติ”
เริ่มเข้าสู่วงการนักแสดงและถ่ายแบบได้อย่างไร
เริ่มจากผมไปดื่มเบียร์กับรุ่นพี่ที่เรียนที่ลาดกระบังคนหนึ่งแล้วไปพูดกับแกว่าผมอยากเป็นผู้กำกับหนัง เขาเลยบอกกับผมว่า “งั้นมึงลองมาเป็นนักแสดงดูก่อนสิ จะได้รู้ว่าคนกำกับเขาต้องทำอย่างไร เพราะหน้าตามึงก็โอเค” ผมก็เลยเออออไปกับแกด้วยว่ามีอะไรให้ผมแสดงไหม ปรากฎว่าอีกสองวันต่อมาพี่เขาโทรมาบอกว่ามีมิวสิควิดีโอให้เล่น ผมเลยได้มาเล่นมิวสิควิดีโอของวงดนตรีอินดี้วงหนึ่ง หลังจากงานนั้นพี่พงศ์ Hello Filmmaker เขามาเห็นว่าผมแล้วคิดว่าพอจะมีแววเขาเลยมาติดต่อไปเล่นโฆษณา The 1 Card
รู้สึกอย่างไรกับการที่หลายคนตั้งฉายาให้คุณว่านิปปอนบอย
ผมว่าตัวผมเองก็หน้าตาเหมือน “โอดากิริ โจ” นะครับ (หัวเราะ) คือตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยก็มีคนบอกว่าเราเป็นลูกชายของ “อาซาโน่” ที่เล่นเรื่อง รักน้อยนิดมหาศาล หรือเปล่า เพราะหน้าเราเหมือนคนญี่ปุ่น ซึ่งเราก็คิดว่าผมมีเค้าโครงเหมือนกันนะ บางทีผมก็ตัดผมตามเขาด้วย
แล้วความจริงคุณชอบการแต่งกายสไตล์นี้อยู่แล้วหรือเปล่า
คือผมแต่งตัวไม่เป็นเลยนะ จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัยเจอเพื่อนคนหนึ่งชื่อ เริ่มต้น ซึ่งเขาทำเพจ เริ่มต้นแต่งตัว อยู่ตอนนี้ เขาเป็นคนที่รูปร่างคล้ายผมและเป็นคนที่แต่งตัวดีคนหนึ่งเราก็เลยแต่งตัวตามเขา เริ่มจากถามว่าเสื้อผ้าชิ้นนี้ซื้อจากไหนก็ไปตามซื้อมาใส่บ้าง จากนั้นก็เริ่มแต่งตัวตามเพื่อนไปเลยครับ จนทุกวันนี้ผมก็ยังแต่งตัวตามคนอื่นไปเรื่อยๆ คือผมไม่เคยคิดเลยว่าผมแต่งตัวเป็นเพราะปัจจุบันผมยังถามคนอื่นอยู่ตลอดเวลาว่าแต่งตัวแบบไหนดี คือเราก็ต้องถามเพราะเราไม่รู้ว่าถ้าเราใส่แล้วมันจะเหมาะกับเราไหม เวลาเห็นใครแต่งตัวดีผมก็หยิบเอาสไตล์เขามาใช้กับตัวเองตลอด แต่เราก็ไม่ได้เอามาทั้งหมดแบบเหมือนเป๊ะเพราะไม่อยากจะซ้ำกับเขาแค่หยิบบางอย่างเอามาเป็นแรงบันดาลใจ
ปกติแล้วจะไปช็อปปิ้งเสื้อผ้าที่ไหน
ก่อนหน้านี้เราชอบซื้อเสื้อผ้าที่ร้าน Shinjuku outlet หรือไปเลือกซื้ิอตามสวนจัตรุจักรบ้าง แต่ทุกวันนี้เสื้อผ้าส่วนใหญ่จะซื้อตาม Instagram ตามร้านมือสองต่างๆ นอกจากนั้นก็มีคนส่งเสื้อผ้าของแบรนด์ตัวเองมาให้ใส่บ้าง บวกกับเสื้อผ้าบางส่วนที่ยืมของคนอื่นเขามาแต่ไม่ได้เอาไปคืน (หัวเราะ)
เท่าที่ทราบมาคุณมีความชื่นชอบของวินเทจด้วยใช่หรือไม่
ใช่ครับ นอกจากเสื้อผ้าแล้วก็ยังมีรถยนต์ด้วยครับ อย่างคันที่ใช้ปัจจุบันคือ BMW E30 เป็นรถเก่าของครอบครัว ที่ผมนั่งมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วรู้สึกผูกพันธ์กับรถคันนี้มาก โตมาเลยคิดเลยว่าจะขับคันนี้แน่นอนและไม่เคยอยากได้รถใหม่เลย ขนาดคุณพ่อเคยจะให้ขายรถคันนี้แล้วจะซื้อคันใหม่ให้แต่ผมบอกว่าไม่เอา เพราะอยากใช้คันนี้แล้วก็ใช้ต่อไปเรื่อยๆ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีพวกแว่นตาวินเทจด้วยที่ผมชอบ เอาเข้าจริงคือแทบทุกอย่างเลยครับ ยกเว้นคอมพิวเตอร์ที่จำเป็นต้องอัพเดทบ้าง
งานอดิเรกในวันว่างหรือวันหยุดของคุณ
งานอดิเรกผมไม่ได้ทำอะไรเป็นพิเศษครับ ส่วนวันหยุดส่วนใหญ่เราก็ออกไปดื่มสังสรรค์กับเพื่อนบ้าง หรือถ้าจะตอบให้ดูเป็นการเป็นงานหน่อยก็จะมีทำงานวิดีโอของตัวเองบ้างเล็กน้อยครับ เพราะถึงตอนนี้เรายังอยากที่จะเป็นผู้กำกับอยู่ดี
แสดงว่าความฝันสูงสุดของคุณคือการเป็นผู้กำกับหนัง ?
ความฝันสูงสุดผมอยากเป็นนักบินอวกาศครับ คือผมอยากเห็นโลกจากข้างนอกบ้าง หรือไม่ต้องเป็นนักบินอวกาศก็ได้ขอแค่มีเงินพอที่จะบินออกไปเห็นโลกทั้งใบจากอวกาศได้ก็พอ เพราะผมอยากเห็นวิวที่สวยตื้นตันจนร้องไห้ออกมา หรือจะไปเที่ยวที่ไกลๆ อย่างอลาสก้าหรืออะไรแบบนนั้นก็ได้คือเราชอบเห็นวิวสวยๆ ส่วนเรื่องผู้กำกับผมก็อยากเป็นตั้งแต่แรกแล้วแต่เรื่องการเป็นนักแสดงเราทำเพราะมีรุ่นพี่ชวนไปเล่นอย่างที่เล่าตอนแรก
งั้นลองช่วยแนะนำหนังโปรดสักเรื่องให้พวกเราหน่อย
หนังเรื่องโปรดของผมคือ Eternal Sunshine of the Spotless Mind มันเป็นเรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่เลิกกัน แล้วฝ่ายหญิงไปหาหมอเพื่อลบความจำเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ออก ซึ่งฝ่ายผู้ชายก็ทำเช่นเดียวกับฝ่ายหญิงบ้าง ทีนี้หนังทั้งเรื่องเลยกลายเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นภายในความคิดของพวกเขาดำเนินเรื่องผ่านความทรงจำทั้งคู่ เราชอบเพราะมันมีความเป็น Sci – Fi แต่นำเสนอออกมาได้กลมกล่อมและโรแมนติกมากๆ รวมถึงการเรียงลำดับเรื่องที่ค่อนข้างซับซ้อนแต่เล่าเราเข้าใจได้แบบง่ายๆ นอกจากนี้ยังแฝงรายละเอียดเล็กน้อยอย่างสีผมของนางเอกในแต่ละช่วงเวลา คือผู้กำกับเขาเก่งมากจริงๆ
นอกจากภาพยนตร์แล้วคุณยังสนใจการถ่ายภาพด้วยฟิล์มด้วย ?
ผมเริ่มถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์มตั้งแต่เรียนปีหนึ่ง คือตอนนั้นคุณแม่ซื้อกล้องดิจิตอลมาให้ผมตัวหนึ่ง แต่ผมเอากล้องตัวนั้นไปขายแล้วเอาเงินไปซื้อ Leica M2 ซึ่งเป็นกล้องฟิล์มตัวแรกของผมเลย ตอนซื้อมายังไม่มีเลนส์ด้วยนะ จำได้เลยว่าซื้อกล้องตอนเดือนมกราคมแต่ยังไม่ได้ใช้เพราะไม่มีเลนส์ ก็วางกล้องทิ้งไว้เดือนหนึ่งเพื่อที่จะเอาเงินแต๊ะเอียไปซื้อเลนส์มาใส่ นั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเล่นกล้องฟิล์ม
ทำไมถึงตัดสินเลือกใช้กล้องฟิล์ม Leica M2 เป็นกล้องฟิล์มตัวแรก
เพราะสมัยใช้กล้องดิจิตอลผมใช้เลนส์มือหมุนอยู่แล้ว ทำให้เวลาศึกษามาเรื่อยๆ จนได้มารู้จักกับ Leica แล้วตัดสินใจซื้อมา แต่ทุกวันนี้ขายกล้องตัวนั้นทิ้งไปแล้วครับ เพราะเรารับงานเยอะขึ้นแล้วไม่มีเวลาถ่าย คือผมจะถ่ายรูปเฉพาะตอนไปเที่ยว แล้วไม่อยากจะทิ้งกล้องไว้เฉยๆ หรือปล่อยให้มันเสื่อมสภาพเพราะเราไม่ดูแล เลยตัดสินใจขายกล้องทิ้งให้กับคนที่ได้ใช้ดีกว่า ตอนนี้ซื้อกล้อง Contax T3 มาใช้ประจำแทนก็รู้สึกแฮปปี้กับการถ่ายฟิล์มดีแล้วครับ
เร็วๆ นี้จะมีผลงานอะไรออกมาให้พวกเราได้ติดตามกันอีกบ้าง
ปีนี้กำลังจะมีภาพยนตรเรื่องหนึ่งครับที่กำลังจะเข้าโรงเร็วๆ นี้ เป็นเรื่องราวของกลุ่มวัยรุ่นที่ทำสตาร์ทอัพกลุ่มหนึ่ง แต่ผมขอไม่เล่ารายละเอียดมากละกันเพราะกลัว่าเดี๋ยวจะไปสปอยล์เนื้อหา เอาเป็นว่าคอยติดตามกันดูครับและน่าจะเข้าโรงช่วงกลางปีนี้แน่นอน
SHOP THE LOOK
SneakaVilla Upsized Shoulder Bag (Black)