#SneakTheStyle : มาทำความรู้จักกับแร็ปเปอร์หนุ่มเลือดอีสานอย่าง ‘ป๊อป-อภิวัฒน์ ชินอักษร’ aka ‘$IR POPPA LOT’ หรือที่พวกเราเรียกกันอย่างติดปากว่า ‘POPPA’ อีกหนึ่งศิลปินจากเวทีประกวด The Rapper ที่สร้างสรรค์โชว์สุดประทับใจด้วยการนำเอกลักษณ์ของจังหวัดเลยบ้านเกิดอย่าง ผีตาโขน มาผสมผสานเข้ากับท่วงทำนองการแร็ปที่ลื่นไหลจนเอาชนะใจกรรมการและคนไทยทั้งประเทศมาแล้ว แต่ก่อนที่จะไปร่วมลุ้นและเชียร์ POPPA ในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศวันที่ 23 กรกฏาคมนี้ เรามาพูดคุยกันถึงที่มาที่ไปของแร็ปเปอร์ผู้นี้กันดีกว่าว่าจากวิศวกรหนุ่มอนาคตไกลทำไมถึงตัดสินใจทิ้งความมั่นคงแล้วหันมาจับไมค์เป็นศิลปินอย่างเต็มตัว และอะไรคือเหตุผลที่แท้จริงในการเข้าแข่งขันรายการ The Rapper ของแร็ปเปอร์คนนี้
เส้นทางการเป็นแร็ปเปอร์ของคุณเริ่มต้นขึ้นอย่างไร
ผมเริ่มฟังเพลงฮิปฮอปมาตั้งแต่ช่วงมัธยมปลายหรือประมาณปี 2006 โดยเริ่มจากเพลงของพี่ๆ Thaitanium ก่อนจะเริ่มศึกษามากขึ้นแล้วขยับไปฟังแร็ปเปอร์จากต่างประเทศอย่าง Eminem ต่อด้วยศิลปินยุคเก่าอย่าง Wu-Tang และ Public Enemy แต่จุดที่เริ่มทำเพลงจริงๆ คือการได้มารู้จักกับเพื่อนคนหนึ่งในงานประกวดดนตรีที่จังหวัดเลย ซึ่งเราเห็นว่าเขามีทักษะการแร็ปเลยชักชวนให้มาทำเพลงด้วยกันภายใต้ชื่อวง Hannibros หลังจากนั้นเราก็ทำ Mixtape อัลบั้มแรกแล้วนำไปฝากขายในร้านซีดีของจังหวัดเลยจำนวน 150 ชุด ซึ่งขายหมดเกลี้ยงเลยนะครับ ต่อมาอีกประมาณหนึ่งปีเราเลยทำอัลบั้มที่สองแล้วไปเดินขายกันที่งาน FAT แต่ตอนนั้นเปลี่ยนชื่อวงเป็น Dude Boi แล้วก็ทำเพลงมาเรื่อยๆ ครับ
ทราบมาว่าก่อนที่จะมาเป็นแร็ปเปอร์อย่างที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้ คุณเคยประกอบอาชีพเป็นวิศวกรมาก่อน
สมัยมัธยมผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างเรียนดีในระดับหนึ่ง เพราะเราชอบวิชาคำนวนอย่างเช่นคณิตศาสตร์ซึ่งหลายคนอาจจะไม่ชอบวิชาประเภทนี้ แต่อันที่จริงแล้วผมชอบศิลปะตั้งแต่เด็กคือชอบวาดรูปจนถึงขนาดสอบเข้าโรงเรียนมัธยมด้วยความสามารถพิเศษวาดภาพเลย ซึ่งสาเหตุตัดสินใจเรียนวิศวะเพราะเรายังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เลยเลือกตามเพื่อนๆ เพราะพวกเขาตัดสินใจจะเรียนวิศวะกันหมด ผมว่าทุกคนน่าจะเคยเป็นเหมือนกันคือช่วงมหาวิทยาลัยมันเป็นช่วงเวลาที่ค้นหาตัวเองว่าจริงๆ แล้วเราชอบหรืออยากเป็นอะไร ซึ่งผมสามารถจะเลือกเรียนศิลปะหรือดนตรีก็ได้เพราะทางบ้านไม่ได้กีดกั้นหรือตีกรอบชีวิตในส่วนนี้เลย แต่ส่วนตัวผมคิดว่าอยากเรียนอะไรที่จบมาแล้วมีอาชีพที่มั่นคงสักนิดให้คุณแม่ดีใจ บวกกับเรารู้สึกว่าน่าจะเรียนไหวด้วย สุดท้ายผมก็เรียนจบมาด้วยเกรดเฉลี่ยระดับกลางๆ โดยที่ยังไม่ทราบตัวเองเลยว่าชอบวิศวะจริงๆ หรือเปล่า
แล้วระหว่างที่เรียนวิศวะคุณยังทำเพลงอยู่เรื่อยๆ หรือเปล่า ?
ระหว่างเรียนผมก็ยังทำเพลงอยู่แต่น้อยลงจากช่วงก่อนหน้าเหลือปีละแค่หนึ่งเพลงถึงสองเพลง แต่เรายังต้องทำเพื่อให้หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของเรา ผมเลิกทำไม่ได้เพราะทำแล้วมีความสุขมาก บางทีเครียดหรือเบื่อจากชีวิตจริงเราก็จะหนีมาทำงานศิลปะที่ชอบนั่นคือการทำเพลง หลังจากเรียนจบผมบอกกับคุณแม่เลยว่าขอหยุดพักหนึ่งปี เพื่อขอทำอัลบั้มใหม่และบวชให้ท่านเสียก่อน ซึ่งคุณแม่ก็อนุญาตเพราะถือว่าผมทำหน้าที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว ปีนั้นผมเลยทำอัลบั้มใหม่ออกมาซึ่งมีทั้งหมด 24 เพลง และนำไปขายในงาน FAT เหมือนเดิม จากนั้นก็บวชให้แม่หนึ่งพรรษาก่อนจะมารับปริญญาซึ่งครบหนึ่งปีพอดีตามสัญญา ผมเลยตัดสินใจไปสมัครเป็นวิศวกรอย่างเต็มตัว
ช่วยเล่าถึงประสบการณ์ชีวิตในช่วงที่เป็นวิศวกรช่วงนั้นให้พวกเราฟังหน่อย
ผมทำงานเป็นวิศวกรอยู่ประมาณ 4 ปีกว่าครับ ใช้ชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนเต็มตัวคือตื่นนอนตี 5 ครึ่ง ไปทำงานตอกบัตรเลิกงานเวลา 5 โมงเย็น เป็นแบบนี้ทุกวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่ระหว่างนั้นผมยังคงทำเพลงอยู่ แต่ไม่ได้ทำกับ Dude Boi แล้ว เพราะเพื่อนที่ทำด้วยกันเขามีครอบครัวและทางบ้านไม่ค่อยสนับสนุนให้ทำเพลงเหมือนผม กลายเป็นว่าผมทำเพลงเป็นงานอดิเรกระหว่างงานประจำจนได้มาเจอกับ Jayrun และ RAHBOY จึงรวมตัวกันกลายมาเป็นกลุ่ม J$R หลังจากนั้นเราก็ปล่อยเพลงออกมาปีละประมาณสองเพลงเหมือนเดิม แต่กระแสตอบรับเริ่มดีขึ้นเพราะเริ่มมีสื่อโซเชียลเข้ามา รวมถึงมี Youtube ที่ทำให้เราสามารถโปรโมทและเข้าถึงคนฟังง่ายขึ้น
จุดเปลี่ยนที่ทำให้ตัดสินใจทิ้งอาชีพวิศวกรแล้วหันมาเป็นแร็ปเปอร์เต็มตัว
ช่วงนั้นเป็นเวลาที่เหนื่อยมากครับ บางครั้งผมทำงานวันจันทร์ถึงเสาร์แต่วันอาทิตย์ต้องไปออกคอนเสิร์ตอีกเหมือนชีวิตแทบจะไม่ได้พักเลย จนเราเริ่มตอบตัวเองได้แล้วว่าเราไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นวิศวร แต่สิ่งที่เราทำมาตลอดจริงๆ คือเพลงฮิปฮอป ช่วงสุดท้ายของการเป็นวิศวะเป็นช่วงที่เรามีงานโชว์มากขึ้น เริ่มมีรายได้จากยอดวิวใน Youtube เข้ามา ถึงแม้จะไม่ได้ทำให้ร่ำรวยแต่เราก็สามารถอยู่ได้โดยไม่ลำบากและมีเงินไปใช้สอยได้ในสิ่งที่ต้องการได้ รวมถึงสุขภาพในตอนนั้นที่ไม่สามารถทำงานดนตรีและงานประจำได้เต็มร้อยทั้งคู่แล้ว ผมเลยมานั่งคิดได้เราเกิดมาใช้ชีวิต ไม่ใช่เกิดมาให้ชีวิตมาใช้เรา ถ้าผมตายวันนี้เงินทองก็เอาไปไม่ได้ และผมจะหมดโอกาสใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการทันทีซึ่งเราคงเสียใจมากๆ เลยตัดสินใจลาออกแล้วเอาโบนัสก่อนสุดท้ายไปลงทุนทำร้านอาหาร และแบ่งส่วนที่เหลือมาทำเพลง ซึ่งเรารู้สึกแฮปปี้กับการได้ใช้ชีวิตในแบบที่ต้องการจริงๆ
แล้วสาเหตุอะไรที่ทำให้คุณเลือกลงแข่งขันในรายการ The Rapper
ที่ผมลงประกวด The Rapper นั้นเพราะเราอยากพิสูจน์ตัวเองให้คุณแม่เขาได้รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมาตลอดสิบปีมันไม่ได้ไร้สาระ แต่มันสามารถเป็นสร้างรายได้และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอืนๆ ได้ด้วย เพราะคุณแม่ผมไม่ค่อยมีความรู้ด้านเทคโนโลยีและเขาคงไม่เคยเข้าไปดูผลงานเราใน Youtube อยู่แล้ว แต่ถ้าหากไปออกรายการโทรทัศน์เชื่อว่าเขาจะต้องเห็นเราอย่างแน่นอน อีกอย่างหนึ่งคือผมรู้สึกว่ารายการโทรทัศน์สามารถทำให้ผมสามารถโชว์ศักยภาพบางอย่างที่ไม่มีโอกาสทำออกมาได้ ถ้าหากใครได้ดูทุกโชว์ของผมน่าจะเข้าใจว่าผมต้องการสร้างโชว์เพื่อให้ความสุขแก่ผู้ชมมากกว่าที่จะมาแข่งขันกับใคร เหมือนเราแค่อยากแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่าความจริงแล้วฮิปฮอปสามารถนำไปผสมผสานกับอะไรได้บ้าง
หลังจากที่คุณแม่เห็นเราปรากฎตัวในรายการแล้วท่านมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง
ทุกวันนี้เวลาคุณแม่ไปจ่ายตลาดเขาก็มีคนเข้ามาทักทายตลอดว่าเขาเชียร์ลูกคุณแม่อยู่ กลายเป็นคนดังไปเลยครับ คือผมเป็นคนสนิทกับแม่มากเวลาไปเที่ยวก็จะลงภาพคู่กับคุณแม่บ่อยๆ หลายคนที่ติดตามผมเลยจำหน้าคุณแม่ได้ ซึ่งคุณแม่เขาก็มีความสุขแล้วครับและเขาน่าจะเข้าใจมากขึ้นว่านี่เป็นสิ่งที่เรารักจริงๆ ตอนนี้ชีวิตผมเองก็เปลี่ยนไปมาก เริ่มมีงานอื่นที่นอกเหนือจากงานเพลงเข้ามามากขึ้น อย่างเช่นโฆษณาที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อน หรือล่าสุดมีการให้ไปเป็นโฆษกด้วยเพราะผมสามารถออกแบบคำพูดได้ซึ่งมันก็พลิกแพลงจากสิ่งที่เราทำอยู่แล้วซึ่งลูกค้าเขาก็ชอบด้วย ถือว่าชีวิตดีขึ้นมากเลยครับ แฟนคลับที่ติดตามเราบางคนเขาไม่ได้ชอบแค่เพลงของเราแต่ยังชอบมุมมองชีวิตรวมไปถึงไลฟ์สไตล์ของเราด้วย
เชื่อว่าผู้ชมหลายคนน่าจะชื่นชอบสไตล์การแต่งตัวของคุณด้วย
เราแต่งตัวแบบนี้มาตั้งแต่ฟังเพลงฮิปฮอปยุคแรกแล้วครับ ตั้งแต่ยุค BAPE ที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสีสันสดใสหน่อย บวกกับเราเป็นคนที่ชอบแต่งตัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งทุกวันนี้มีสื่อโซเชียลที่ทำให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงแฟชั่นได้ง่ายขึ้น เพียงแต่ผมเองก็ยังเลือกหยิบจับอะไรมามิกซ์แอนด์แมทช์ให้มีความเป็นตัวเองอยู่ ไม่ได้พยายามทำตัวตามแฟชั่นมากเกินไป เพราะส่วนตัวผมคิดว่าถ้ามีเงินคุณก็สามารถซื้อของตามแฟชั่นได้แล้ว แต่สไตล์เป็นเรื่องที่คุณต้องค้นหาเองเพราะสิ่งนี้สอนกันไม่ได้ ซึ่งผมใช้วิธีการคิดเดียวกันนี้กับการทำเพลงมาตลอด ยกตัวอย่างสกิลการแร็ปคุณสามารถฝึกฝนได้ แต่สไตล์ที่เป็นลายเซ็นคุณต้องหาด้วยตัวเอง ซึ่งผมคิดว่าเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดและทุกคนควรจะต้องมี เพราะฉะนั้นเวลามีใครมาขอคำแนะนำผมจะบอกให้เขาหาสไตล์ตัวเองให้เจอก่อน
อยากให้คุณลองช่วยแนะนำเทคนิคการค้นหาสไตล์ของตัวเองให้ผู้อ่านสักหน่อย
คำว่าสไตล์มันดูเหมือนจะพูดง่ายแต่ความจริงแล้วเป็นสิ่งยากมากเลยนะ อย่างการเป็นแร็ปเปอร์ที่ดีเราต้องเริ่มจากการเป็นผู้ฟังที่ดีก่อน ฟังแล้วคิดว่าเพลงที่เราชอบนี้ให้อะไรกับเราบ้าง จากนั้นนำเอาส่วนที่ได้มากลั่นกรองใหม่ให้เป็นรูปแบบของเราเเอง ถ้าจะให้แนะนำง่ายๆ ผมก็จะบอกว่าให้ลองมองหาไอดอลสักคนแล้วทำตามเขาดูก่อน ทำตามในที่นี่ไม่ใช่การก็อปปี้มาร้อยเปอร์เซ็นต์แต่เป็นการหยิบเอาข้อดีของคนที่เราชอบมาศึกษาก่อน พอเราเรียนรู้และทดลองทำสไตล์ของหลายคนเข้าสิ่งเหล่านั้นจะตกตะกอนจนเกิดเป็นตัวเราเอง ที่ผมแนะนำแบบนี้เพราะผมเชื่อว่าโลกใบนี้มันไม่มีอะไรใหม่แล้วมีแต่การหยิบจับของเก่ามาทำให้เกิดความแปลกใหม่ เหมือนกับแฟชั่นที่วนลูปกลับไปมาอยู่เรื่อยๆ ดูอย่างรองเท้าวิ่งทรงใหญ่ๆ สมัยคุณพ่อเราที่ไม่เคยคิดจะใส่แต่ทุกวันนี้มันกลายมาเป็นเทรนด์ของโลกแฟชั่นได้ นั่นคือการหยิบเอาเสน่ห์ของบางสิ่งมาพัฒนาต่อยอดไปจากของดั้งเดิม
สุดท้ายนี้คุณมีอะไรอยากจะบอกผู้อ่านหรือแฟนเพลงที่ตามลุ้นตามเชียร์คุณอยู่บ้าง
ก่อนอื่นเลยผมอยากขอบคุณทุกคำติชมที่คอมเมนท์กันมาอย่างมากมายผมตามอ่านทุกข้อความเลยครับ ขอบคุณที่ชื่นชอบในสิ่งที่ผมนำเสนอเพราะสิ่งที่คุณเห็นนั้นเป็นตัวตนของผมจริงๆ ผมได้นำสิ่งที่เป็นตัวตนของผมรวมไปถึงบ้านเกิดของผมออกมาแสดงให้คุณได้เห็นกันแล้ว หลังจากนี้ผมอยากจะขอให้ตามเชียร์กันในรอบไฟนอลที่จะมาถึงวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ และขอคะแนนเสียงโหวตจากในรอบนั้นด้วย แต่ขอให้คุณโหวตเพราะชอบการแสดงของผมจริงๆ นะครับ ผมสัญญาว่าจะพยายามทำให้เต็มที่มากกว่ารอบที่ผ่านมาและหวังว่าทุกคนจะชอบกัน สุดท้ายนี้ก็ฝากติดตามผลงานของ J$R รวมไปถึงผลงานเดี่ยวของผมในอนาคตด้วย เพราะผมจะไม่หยุดทำผลงานอย่างแน่นอนครับ
สำหรับใครที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้จบแล้วอยากรู้จักกับ POPPA ให้มากขึ้นกว่านี้ สามารถเข้าไปติดตามผลงานของเขาได้จากช่องทางดังต่อไปนี้
Youtube : https://www.youtube.com/user/JackSartrasound
Instagram : @sirpoppalot
อ่านเรื่องราวของ #SneakaTheStyle คนอื่นๆ >>ได้นี่นี่<<