อย่างที่เรารู้กันดีว่า Instagram คือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยภาพถ่ายสวยๆ ฝีมือช่างภาพมืออาชีพ ช่างภาพมือสมัครเล่น รวมถึงผู้คนในสาขาอาชีพอื่นๆ ที่ชื่นชอบการถ่ายรูปจากทั่วทุกมุมโลก ท่ามกลางภาพถ่ายนับล้านเหล่านั้น ภาพถ่ายเมือง(ที่ส่วนใหญ่คือกรุงเทพฯ)อันโดดเด่น มีเอกลักษณ์ ของชายที่ชื่อ วุฒิรัฐ ชัยพงศ์พิพัฒน์ หรือ @woody_chai กลายเป็นสิ่งที่ Instagrammer กว่าสามแสนคนชื่นชอบและเฝ้าติดตาม อะไรผลักดันให้เขามาถึงจุดนี้ได้ บทสัมภาษณ์นี้มีคำตอบให้คุณ
ที่มาของการถ่ายภาพ
เริ่มจากที่แม่ผมเป็นคนชอบถ่ายรูปครับ ทุกวันนี้ท่านก็ยังถ่ายอยู่ ตอนเด็กๆ จะจำได้ว่าเป็นแบบให้แม่ถ่าย ผมก็จะโตมากับเรื่องพวกนี้ มีอยู่ครั้งหนึ่ง สมัย ม.ต้น ที่ผมมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่นิวยอร์คกับกลุ่มเพื่อนๆ ที่โรงเรียน แม่ก็ซื้อกล้องฟิล์มของ Fujifilm ให้ ผมก็เอาไปถ่ายอะไรเรื่อยเปื่อยประมาณ 10-20 ม้วน พอกลับมาปุ๊บ ดูรูปที่ถ่ายมาแล้วก็ชอบรูปหนึ่งมาก คือรูปมุม lookup ของตึก World Trade Center ตอนที่ยังไม่โดนเครื่องบินชน พอช่วงเรียนมหา’ลัยไม่ค่อยได้ถ่าย แต่จุดเริ่มต้นจริงๆ ที่ชอบถ่ายรูปคือเมื่อประมาณปี 2011 ช่วงสงกรานต์ในปีนั้นผมได้หยุดยาว รู้สึกเบื่อ ไม่มีอะไรทำ เลยลองใช้มือถือถ่ายรูปลง Instagram ไปประมาณรูปสองรูป แล้วก็มีคนมากด like มาคอมเมนท์รูปผม หลังจากนั้นก็ลองเล่น Instagram ดู ซึ่งแรกๆ ผมจะใช้มือถือถ่ายหมดเลย
เริ่มจริงจังกับการถ่ายภาพเมื่อไหร่
จริงๆ ไม่มีครับ เป็นความชอบส่วนตัวล้วนๆ ผมชอบสไตล์แบบนี้ก็จะถ่ายแบบนี้ เวลาออกไปข้างนอก ผมก็จะมองหาแต่สิ่งเดิมๆ ที่ผมชอบ การที่ผมชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว พอมีคนอื่นมาชอบมันก็ยิ่งมีแรงผลักดันให้ทำต่อไป เช่น ตอนที่ผมถ่ายสถานีรถไฟฟ้า BTS ราชดำริ แล้วเอารูปเครื่องบินไปแปะรวมไว้ ทำเล่นๆ แต่ได้เป็น feature ของ Instagram แล้วหลังจากนั้นก็ได้เป็น Suggested User อยู่เรื่อยๆ ทุกๆ 2 อาทิตย์เป็นเวลาประมาณ 2 ปี ซึ่งทำให้คนมา follow เยอะมาก
พอถึงจุดหนึ่งที่อยากท้าทายตัวเองก็ซื้อกล้อง DSLR มาใช้โดยไม่มีใครมาทักหรือแนะนำอะไร เพราะก่อนหน้านี้ใช้แต่ iPhone มันก็แค่เล็งแล้วกด snap ไปเรื่อยๆ แต่ผมอยากควบคุมอะไรมากขึ้น บางทีอยากได้มืด บางทีอยากได้สว่าง กล้อง DSLR มันสามารถตอบโจทย์เราได้ คุณภาพของภาพก็ดีขึ้น และผมก็อยากลอง อยากเรียนรู้ อะไรที่ยังไม่รู้ผมก็จะต้องหาข้อมูลมาให้ได้ เรียนรู้จากมัน และทำให้ดีขึ้น
สไตล์การถ่ายภาพของตัวเอง
ชอบถ่ายแบบ city photography ครับ เพราะผมก็อยู่ในกรุงเทพฯ ถ่ายทุกอย่างที่อยู่ในเมือง ถ่ายถนน ถ่ายรถ ถ่ายตึก ถ่ายแมว ถ่ายนก คนก็ถ่ายบ้าง แต่ผมจะแปลกตรงที่ไม่ค่อยชอบถ่ายคนแนว portrait เท่าไหร่ จะชอบถ่าย candid ที่มันดูเป็นธรรมชาติหน่อย หรือถ่ายสิ่งที่อยู่รอบตัวมากกว่า ผมจะมองหาเส้นก่อน ดูอะไรที่มันเป็นเส้นตรง รูปทรงเรขาคณิต สมมาตร อะไรพวกนี้ ชักโครกผมก็ถ่ายไปแล้ว(หัวเราะ) ผมรู้สึกว่าการถ่ายรูปพวกนี้มันเป็นเหมือน moment ที่ผมไปอยู่ ณ ตรงนั้น ผมชอบอะไรบางอย่างตอนที่ผมไป อาจจะเป็นความยากในการเข้าไปในสถานที่นั้นก็ได้ ไม่ได้แคร์มากว่าจะถ่ายอะไรมา ไม่จำเป็นว่าไปแล้วต้องได้รูปที่มัน perfect เท่านั้น
แรงบันดาลใจในการถ่ายภาพ
ทุกอย่างคือแรงบันดาลใจหมดเลย หนัง เพลง คนที่ผม follow คนที่ follow ผม ผมเชื่อว่าการถ่ายภาพมันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าภาพไม่ดี หรือภาพดีหรอก มันขึ้นกับแต่ละบุคคลว่าเขาเห็นอะไร มันเป็นการแชร์สถานที่ที่เขาได้ไป สิ่งที่เขาได้สัมผัส ซึ่งผมไม่ได้ไปสัมผัสกับเขาแต่ก็ชอบที่จะดู ดูว่าเขาถ่ายอย่างไร มีมุมมองอย่างไร
อุปกรณ์ที่ใช้ในปัจจุบันมีอะไรบ้าง
ก่อนที่ผมจะ ซื้อผมดูอยู่เยอะมากเพราะผมเป็นคนที่จะทำอะไรต้องศึกษาก่อน ไปลองถือ ลองจับดู สุดท้ายก็เป็น Canon 6D เพราะว่ามันมี wifi(หัวเราะ) กะว่าถ่ายรูปเสร็จก็โยนเข้ามือถือได้เลย แต่เอาเข้าจริงไม่ค่อยได้ใช้ฟังก์ชันนี้เท่าไหร่ และผมก็ใช้แค่ตัวนี้ตัวเดียวเลย ส่วนเลนส์ตัวแรกผมซื้อ 50mm มาใช้ก่อน เพราะคิดว่ามันน่าจะเป็น focal range ที่ universal ดี เท่ากับระดับสายตาคน แต่พอใช้ไปไม่ชอบ รู้สึกว่าภาพถ่ายส่วนใหญ่มันไม่ใช่มุมนี้ เลยซื้อ 28mm f/1.8 มาใช้ ก็ชอบ ไม่กว้างเกิน ไม่แคบเกินไป แล้วก็ใช้มาเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ใช้ 24-70 f/2.8 mark II อยู่ ซึ่งช่วงที่ใช้เยอะสุดก็คือ 24 อยู่ดี(หัวเราะ) อีกตัวเป็น 24 f/1.4 mark II เหมือนกัน ขาตั้งกล้องไม่ค่อยได้ใช้ ใช้เฉพาะตอนถ่าย long exposure แล้วก็ไม่ใช้แฟลชเลยเพราะผมชอบแสงธรรมชาติมากกว่า ถ้ามืดมากก็จะไม่ถ่ายครับ จะไม่พยายามฝืน
สไตล์การแต่งภาพ
ตอนแรกๆ ที่ใช้ iPhone ถ่ายภาพก็ยังแต่งรูปไม่เก่ง ใช้แค่ filter ใน Instagram นี่แหละครับแต่งไป แต่ทำๆ ๆไปก็รู้สึกว่ามันไม่ใช่สีในแบบที่ชอบเท่าไหร่ มันดู based on film จ๋าไปหน่อย ออกเหลือง ออกเขียว แต่ผมเป็นคนที่ชอบสีน้ำเงินมาก แทบทุกรูปจะมีสีน้ำเงินอยู่ แต่หลังๆ อาจมีปรับบ้างตามอารมณ์ ก็เลยลองเสิร์ชดูว่าคนที่เขาถ่ายรูปด้วย iPhone ว่าเขามีแอพอะไรแต่งรูปบ้าง แต่พวก VSCO ไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ ผมชอบ Picfx กับ Snapseed มากกว่า และใช้บ่อยสุด ส่วนรูปจากล้อง DSLR ผมเอาไปปรับใน Lightroom ซึ่งผมไม่ได้เรียนถ่ายรูปมา ลองผิดลองถูกเอาเองตลอด แล้วก็ไม่ค่อยได้ใช้ filter ของ VSCO ด้วย ทั้งที่มันก็เข้ากับสไตล์รูปผมแหละ แต่ผมสามารถแต่งให้เหมือน VSCO ได้ เลยไม่จำเป็นต้องใช้ ยกเว้นว่าขี้เกียจจริงๆ(หัวเราะ) ชอบทำ preset เองเก็บไว้ใช้ และค่อยๆ ลงมือแต่งด้วยตัวเองไปเรื่อยๆ มากกว่า มันเป็นความสุขอย่างหนึ่ง บางทีผมนั่งฟังเพลงไปเรื่อยๆ ประมาณชั่วโมง สองชั่วโมง เพื่อแต่งรูปแค่รูปเดียว ถ้ายังไม่ชอบก็หยุดไปก่อน ไปทำอย่างอื่นแล้วค่อยกลับมาทำ ไม่ได้คลั่งกับมันมากเกินไป บางทีวันนี้แต่งแล้วชอบ แต่อีกสามวันกลับมาดูแล้วไม่ชอบก็แต่งใหม่ ปล่อยไปตามอารมณ์ ถ้าลองมองดู feed ใน Instagram ของผมจะเห็นว่ามันไม่ค่อย consistent เท่าไหร่ มันจะไม่เป็นโทนเดียวกันหมด แต่อาจจะมีสไตล์ของตัวเองนิดหนึ่ง ปกติผมจะมี preset อยู่ตัวหนึ่งเป็น base แล้วก็เอามาใส่ให้ได้สไตล์ที่ต้องการแล้วที่เหลือก็ปรับนิดหน่อย
ขั้นตอนการลงมือแต่งภาพ
ผมจะคัดรูป ก่อนครับ สมมติว่ามีรูปมุมเดียวกันประมาณ 5 รูป ผมก็จะดูก่อนว่าผมชอบรูปไหนที่สุด เสร็จแล้วก็จะมีอีกรูปหนึ่งแบ็คอัพไว้ เช่น รูปหนึ่งถ้า crop แล้วจะสวยกว่า อีกรูปอาจจะเป็นแบบเต็มเฟรม เอาไว้ไปลงในเว็บ ที่เหลือผมจะลบทิ้งเลยเพราะว่าไม่ได้ใช้แน่นอน พอเลือกเสร็จก็เริ่มแต่ง จากนั้นใส่ filter แล้วก็แต่งตามที่ชอบเลย ผมจะไม่มานั่งคิดมาว่ารูปนั้นรูปนี้ได้อะไร ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ มันไหลไปตามธรรมชาติ เหมือนว่าลึกๆ ผมรู้ว่าตัวเองเป็นอย่างไร ก็ปรับไปเรื่อยๆ จนเสร็จ
มีการวางแผนไหมว่าวันหนึ่งๆ จะอัพรูปขึ้น Instagram กี่รูป ตอนกี่โมง
ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษครับ ส่วนมากจะอัพรูปตอนเลิกงาน(หัวเราะ) อัพวันละรูป เพราะผมอยากจะดูรูปตัวเองด้วยว่าลงไปแล้วเป็นอย่างไร ไม่ได้สนใจมากว่าคนจะชอบหรือไม่ชอบ ถ้ามีคนชอบก็ขอบคุณมาก แต่ถ้าไม่ชอบไม่เป็นไรเพราะผมชอบของผม ถ้ามีคนมาคอมเมนท์ก็ตอบบ้าง เวลาตอบเสร็จผมจะเข้าไปดูรูปเขาด้วย ถ้ามีรูปไหนที่ชอบผมก็จะกด like ให้ แต่คนไทยส่วนใหญ่จะเจอแต่ private(หัวเราะ) แต่ผมจะไม่ได้อยู่กับ Instagram ตลอด บางทีโพสต์รูปเสร็จก็ไปทำอย่างอื่นเลย ไม่ได้มานั่งเฝ้าว่ากี่ like แล้ว
ภาพที่เพิ่งถ่ายมาเร็วๆ นี้และชอบมากที่สุดคือภาพไหน เพราะอะไร
ล่าสุดน่าจะเป็นที่ BTS สถานีวงเวียนใหญ่ ตอนนั้นก็ลุยถ่ายไปเรื่อยๆ จนสุดทางเดิน แล้วด้านบนมีทางด่วนตัดผ่าน ผมชอบเพราะว่าในภาพเนี่ยรอบๆ มันมืด แต่ตรงทางเดินมันสว่าง contrast กันในตัวเอง ผมชอบที่มันทั้งมืด สว่าง ดูนุ่มนวลแต่ก็แข็ง แล้วมันก็เป็นเหมือนเส้นนำสายตาด้วย เวลาที่ถ่ายรูปนี้ประมาณเที่ยงคืน ผมชอบถ่ายกลางคืนมากกว่าเพราะกรุงเทพฯ เป็นเมืองใหญ่ กลางวันคนพลุกพล่านมาก แต่พอกลางคืนเหมือนเป็นอีกโลกหนึ่ง แสง สี ก็สวย
สถานที่ที่อยากไปถ่ายภาพ และเหตุผลที่อยากไป
อยาก กลับไปที่นิวยอร์คอีกเพราะมันเป็นเมืองที่ถ่ายรูปขึ้นมากๆ ด้วยสเกลของมัน แสงสี ผู้คน สถาปัตยกรรมเก่าปนใหม่ มีโซนที่เป็นธรรมชาติอย่าง Central Park ด้วย มีสเน่ห์จนถ่ายได้ทุกอย่างเลย เหมือนเป็นเมืองในฝันของหลายๆ คน อีกที่ที่อยากไปก็คือไอซ์แลนด์ แต่ถ้าในประเทศไทยก็อยากเข้าป่าครับ ยังไม่มีป่าที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษ แต่น่าจะเป็นทางเหนือนะครับ
ตั้งแต่ถ่ายภาพลง Instagram มา ได้เข้าร่วม community event อะไรบ้างไหม
ไม่ได้ไปเลยครับ เพราะผมไม่ค่อยมีเวลาว่าง โดยเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ แม้แต่งาน InstaMeet ที่กรุงเทพฯ ผมก็ไม่ได้ไป แต่ตอนไปทริปถ่ายรูปที่ฮ่องกงก็ได้นัดเจอกับเพื่อนๆ ชาวต่างชาติที่ถ่ายรูปลง Instagram ในยุคแรกๆ และ follow กันมาตั้งแต่ยอด follower มีแค่สองสามร้อยคน ได้เห็นพัฒนาการของเขา โตมาด้วยกัน เจอกันก็เหมือนสนิทกันมานาน คุยเล่นได้เลย เพื่อนๆ พวกนี้ก็เป็นแรงบันดาลใจให้ผมด้วย
ตอนที่ไปทริปถ่ายภาพที่ฮ่องกงมีการเตรียมตัวอย่างไร
ผม รู้อยู่แล้วว่าตัวเองชอบถ่ายแนว city ก็จะหาข้อมูลเกี่ยวกับเมืองในมุมต่างๆ ไว้เป็น reference ครับ แล้วก็ถามเพื่อน ซึ่งผมก็จะพอมีภาพในหัวคร่าวๆ ว่าต้องการจะถ่ายที่ไหน แบบไหน เสร็จแล้วพอไปถึงก็ถ่ายไปเรื่อยๆ ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเจออะไรในตอนนั้น อาจจะได้อย่างอื่นกลับมาก็ได้ บางทีรูปที่เราไม่ได้คาดหวังอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า จะพยายามไม่ตั้งใจ ไม่ซีเรียสกับมันมากจนเกินไปครับ
ประสบการณ์ที่ได้ออกไปถ่ายบ่อยๆ จะทำให้เรารู้ได้ครับว่าตัวเองชอบถ่ายแบบไหน และควรถ่ายมุมไหน ตอนไหน เช่น รู้ว่าเวลาตอนนี้แสงจะไม่สวยหรอก ก็ไม่ต้องไป ถ้าถ่ายตอนเที่ยงๆ แดดจัด contrast เยอะ เงาก็จะดำปี๋เลย ผมจะไม่ถ่าย ไปตอนเย็นๆ หรือไม่ก็เช้าไปเลยดีกว่า
วางแผนอนาคตการถ่ายภาพไว้อย่างไร
ผมถ่ายรูปเพราะผมชอบ ไม่ได้ถ่ายรูปเพราะต้องการให้คนมาชอบรูปผม แค่ได้ทำในสิ่งที่ผมชอบไปเรื่อยๆ อย่างนี้ก็พอ ไม่ได้คาดหวังหรือไขว่คว้าอะไรเลย แต่ถ้ามีคนชื่นชมผม วันหนึ่งโอกาสมันคงมาหาเองครับ
เมื่อเสร็จสิ้นการให้สัมภาษณ์ วุฒิได้บอกกับเราว่าเขาจะเดินทางไปถ่ายภาพต่อในเย็นวันนั้นด้วยท่าทีกระตือ รือร้น เราไม่ได้ถามว่าเขาวางแผนจะไปที่ไหน แต่ด้วยเวลาหนึ่งชั่วโมงที่ได้คุยกันและผลงานที่ผ่านมาของเขา เชื่อว่าภาพที่ได้ต้องน่าประทับใจอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ อย่าลืมติดตามภาพถ่ายสวยๆจาก IG: @sneakavibes และ เราขอเชิญชวนให้คุณมาร่วมสร้างสรรค์และแชร์ภาพถ่ายจากมุมมองของคุณกับ เรา ไม่ว่าจะเป็นภาพจากคน วัตถุ สสาร หรือ สถานที่ อะไรก็ได้ที่แสดงความรู้สึก ด้วยการติด #sneakavibes ในภาพ ไม่แน่ …คนที่ เราไปสัมภาษณ์คนต่อไปอาจเป็นคุณ
About @woody_chai
- แม้ชื่อเล่นจะชื่อ “วุฒิ” แต่คนส่วนใหญ่จะชอบเรียกเขาว่า “วู้ดดี้” ตั้งแต่เด็กๆ
- อาชีพของเขาคือ Sales Executive ด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และรับเป็นช่างภาพฟรีแลนซ์ด้วย
- เนื่องจากทำงานประจำและมีวันหยุดคือวันจันทร์วันเดียว เขาจึงมักจะออกไปถ่ายรูปตามที่ต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ในวันนี้
ig: @woody_chai
tumblr: http://woodychai.tumblr.com/
Interviewed by Ballisticone
Edited by Pakazite
Profile photo of @woody_chai by @rockkhound