เชื่อว่าหลายคนคงกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับการเลือกเครื่องแต่งกาย หรือยังคิดไม่ตกว่าเสื้อผ้าแบบใดที่จะเหมาะสมกับการสวมใส่ในชีวิตประจำวันมากที่สุด เพราะไม่ว่าคุณจะเป็นใครหรือมี Lifestyle การใช้ชีวิตแบบใดก็ย่อมอยากจะดูดีที่สุดในทุกอริยาบท และหลายคนอาจจะกำลังรู้สึกว่าเสื้อผ้าที่กำลังสวมใส่อยู่ทุกวันนี้อาจจะไม่ใช่สไตล์ที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หรืออาจจะดูดีไม่พอในสายตาของคนรอบข้าง วันนี้เราจึงขอแนะนำ 7 วิธีการหาสไตล์ที่เหมาะสมกับตัวคุณเองมากที่สุด โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อลองผิดซื้อเสื้อผ้ามามาลองผิดลองถูกด้วยตัวคุณเอง เพียงแค่คุณเริ่มสำรวจตัวเองจาก 7 ข้อที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้
1. ทำความรู้จักกับตัวเอง
เริ่มด้วยวิธีการที่ง่ายที่สุดและไม่จำเป็นต้องลงทุนอะไรเลย เพียงแค่คุณลองสำรวจตัวเองก่อนเป็นลำดับแรกว่าคุณเป็นใครหรือมีหน้าที่การงานอะไร มี Liftstyle การใช้ชีวิตแบบไหนรวมถึงอายุและสรีระของตัวเองด้วย ทั้งหมดนี้คือส่วนสำคัญก่อนที่จะตัดสินใจที่จะเลือกซื้อเสื้อผ้าแต่ละชิ้น เพราะไม่ว่าใครก็คงอยากที่จะดูดีสมบุคลลิกกันทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นเรื่องของสรีระร่างกายที่ต้องพิจารณาให้ดี แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะสมกับเสื้อผ้าทุกสไตล์ อย่างเช่นถ้าคุณเป็นคนรูปร่างใหญ่ก็อย่าพยายามที่จะลองหากางเกงทรง skiny มาใส่เลย เพราะนั่นคงเป็นเรื่องยากที่คุณจะแต่งออกมาดูดีได้ แต่อย่าเพิ่งถอดใจไปหากคุณมีรูปร่างที่ไม่ได้ดูดีเหมือนนายแบบหรือนางแบบ เพราะบนโลกใบนี้ยังมีเสื้อผ้าอีกมากมายที่เหมาะสมกับรูปร่างของคุณอยู่มากมาย และที่สำคัญอย่าลืมเรื่องกาลเทศะด้วยเพราะแม้ว่าคุณจะสวมใส่เสื้อผ้าที่มีราคาแพงเพียงใดแต่ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เหมาะสมกับตัวคุณหรืออยู่ผิดที่ผิดทางก็ไม่ได้ช่วยทำให้คุณดูดีขึ้นมาแม้แต่น้อย
2. มองหาแรงบันดาลใจ
หลังจากที่รู้จักกับตัวเองแล้วคุณอาจจะเริ่มคิดได้บ้างแล้วว่าควรเลือกเสื้อผ้าแบบไหนถึงจะเหมาะกับ Lifestyle ของคุณที่สุด ตอนนี้ก็ถึงเวลาที่จะเริ่มหาแรงบันดาลใจในการออกไปเลือกซื้อเสื้อผ้ากันแล้ว ในช่วงแรกคุณอาจจะเริ่มจากการศึกษาจากดารานักร้องหรือเหล่าคนดังที่แต่งกายออกมาได้ถูกใจคุณที่สุด ยิ่งในปัจจุบันที่อินเตอร์เน็ตสามารถทำให้คุณติดตามชีวิตพวกเขาเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น เพียงแค่คุณกดติดตามพวกเขาใน Instagram หรือดูผลงานของเขาผ่านทาง Youtube คุณก็จะสามารถติดตามเหล่าแฟชั่นไอคอนของคุณได้ตลอดเวลา และยิ่งคุณอยู่กับสิ่งเหล่านั้นเป็นประจำอาจจะทำให้เข้าใจมากขึ้นว่าผู้คนที่คุณติดตามมี Lifestyle การใช้ชีวิตแบบใดหรือมีความชอบแบบไหน ทำไมเขาจึงแสดงออกผ่านการแต่งตัวเช่นนั้น
3. ศึกษาสไตล์ที่ชอบ
เมื่อเริ่มตีกรอบสไตล์ที่ชื่นชอบได้แล้วก็ถึงเวลาที่จะศึกษาเรื่องราวเหล่านั้นอย่างจริงจังมากขึ้น เพื่อให้เข้าใจถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของเครื่องแต่งกายนั้นมากขึ้นไปอีก เช่นคุณชอบฟังการแต่งกายของศิลปินร็อค หรือนักร้องฮิพฮอพก็จำเป็นที่จะต้องฟังเพลงหรือผลงานของพวกเขามากขึ้นเพื่อให้รู้สึกอินกับสไตล์เหล่านั้นจริงๆ ในช่วงนี้คุณอาจจะต้องศึกษาเกี่ยวกับแบรนด์เสื้อผ้าต่างๆให้มากขึ้น เพราะแต่ละแบรนด์ย่อมมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกันออกไปอย่างเช่น Supreme ที่เน้นไปที่เสื้อผ้าที่เน้นเรื่องราวของวัฒนธรรมการเล่นสเก็ตบอร์ดในนิวยอร์คเป็นจุดขาย หรือแบรนด์อย่าง A.P.C ที่เน้นเรื่องของความเรียบง่ายและการตัดเย็บที่ปราณีตเป็นต้น
การศึกษาเรื่องของสไตล์ไม่จำเป็นที่จะต้องเน้นไปที่เทรนด์ของแฟชั่นเท่านั้น คุณอาจจะต้องลองศึกษาเสื้อผ้าวินเทจหรือจากหนังสือแฟชั่นยุคก่อนบ้าง เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณเห็นจุดกำเนิดของสไตล์ต่างๆได้ชัดเจนมากขึ้น เชื่อเถอะว่าแฟชั่นทุกวันนี้เกิดจากการนำของเก่าและใหม่มาผสมผสานระหว่างหลายสไตล์เข้าด้วยกันทั้งนั้น
4. เลือกซื้อโดยคำนึงถึงเงินในกระเป๋า
จะมีประโยชน์อะไรหากคุณหมดเงินไปกับรองเท้า Sneaker ราคาหลายหมื่นบาทแต่กลับไม่เหลือเงินพอที่จะหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมกับรองเท้าของคุณได้ ซึ่งหลายคนมองข้ามจุดนี้โดยพุ่งเป้าไปที่ไอเท็มหายากหรือมีราคาแพงสักหนึ่งชิ้นจนลืมคิดถึงส่วนประกอบอื่น เห็นได้จากเหล่า Sneakerhead ต่างประเทศที่ทุ่มเทเงินทองไปกับรองเท้าเสียมากมาย แต่บนร่างกายของพวกเขากลับมีแค่กางเกงขาสามส่วนกับเสื้อยืดเก่าๆที่ไม่เหมาะกับรองเท้า และไม่ได้มีความเป็นแฟชั่นเลยแม้แต่น้อย
อย่าลืมว่าเครื่องแต่งกายไม่ใช่ทุกอย่างในการบ่งบอกความเป็นตัวเอง ฉะนั้นควรแบ่งเงินไว้สำหรับหาความสุขหรือแรงบันดาลใจใหม่ๆ ให้ตัวเองเสมอ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือแฟชั่นที่คุณควรจะซื้ออ่านเพื่อหาไอเดียในการแต่งตัว หรืออาจจะลองใช้เงินไปกับของสะสมหรือของเล่นที่เกี่ยวข้องกับสไตล์ของคุณบ้าง เชื่อเถอะว่าคนที่แต่งตัวเท่ๆ ล้วนแต่มีของสะสมที่เชื่อมโยงเกี่ยวกับเรื่องราวที่พวกเขาชื่นชอบทั้งนั้น
5. เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ
หากยังไม่มีความมั่นใจมากพอหรือยังแคร์สายตาคนรอบข้างกับการที่จะเปลี่ยนแปลงการแต่งกายของตัวเอง การเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อย่างลองหารองเท้าดีๆ สักคู่มาใส่ หรือจะเป็นเครื่องประดับอย่างสร้อย แหวน หรือนาฬิกาที่จะสามารถช่วยทำให้การแต่งตัวเดิมๆของคุณดูดีขึ้นมาได้ง่ายๆ โดยที่ยังไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรที่มากจนเกินไป
6. เน้นความเรียบง่าย
ความเรียบง่ายนั้นเป็นสิ่งที่สามารถเข้ากันได้กันทุกสไตล์การแต่งตัว คุณควรที่จะมีเสื้อผ้าสีเรียบๆติดตู้เสื้อผ้าไว้ตลอดเวลา เพราะไอเท็มเรียบๆอย่างเสื้อสีดำหรือขาวนั้นสามารถเข้ากันได้ดีกับการแต่งตัวทุกสไตล์ และถือเป็นการเซฟที่สุดสำหรับการแต่งกายอีกด้วย เพราะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งกายเต็มยศสำหรับวันธรรมดาทั่วไป ลองหันมาใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายสบายๆแต่ยังบ่งบอกความเป็นสไตล์ของคุณดูบ้าง
7. เชื่อมั่นในตัวเอง
เมื่อคิดอย่างแน่วแน่แล้วว่าคุณกำลังจะปรับปรุงการแต่งกายของตัวเองแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องมั่นใจในเครืองแต่งกายรวมถึงสไตล์ที่คุณเลือกก่อนเป็นอันดับแรก เพราะเป็นเรื่องปกติสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะต้องถูกคนรอบข้างมองด้วยสายตาแปลกๆ เมื่อคุณแต่งตัวด้วยเครื่องแต่งกายที่ต่างไปจากเดิม และคุณต้องใช้ความมั่นใจเท่านั้นที่จะเอาชนะสายตาเหล่านั้นไปได้ นอกจากนี้แล้วการที่คุณพกความมั่นใจอยู่เต็มเปี่ยมตลอดเวลาจะทำให้บุคลิกภาพของคุณดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย และที่สำคัญอย่าลืมถึงเรื่องกาลเทศะด้วยเพราะถึงแม้คุณจะแต่งตัวได้ดูดีแค่ไหนแต่ถ้าหากอยู่ผิดที่ผิดทางก็อาจจะส่งผลลัพธ์ในทางตรงข้ามเช่นกัน
ทั้ง 7 นี้เป็นเพียงแค่วิธีง่ายๆสำหรับคนที่อยากเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่ในความจริงแล้วคุณอาจจะไม่จำเป็นต้องทำตามทุกขั้นตอนที่เราบอกไปก็ได้ เพราะคุณอาจจะมีสไตล์การแต่งตัวที่คุณชื่นชอบอยู่แล้วแค่คุณยังหาจุดที่ลงตัวไม่พบเท่านั้น อย่าลืมว่าการซื้อเสื้อผ้าราคาแพงหรืออินเทรนด์แค่ไหนอาจจะไม่ช่วยให้คุณดูดีได้เลยหากสิ่งเหล่านั้นไม่ได้เหมาะสมกับตัวคุณ เครื่องแต่งกายที่เป็นกระแสแฟชั่นนั้นจะช่วยทำให้คุณโดดเด่นและเป็นจุดสนใจมากขึ้นในสายตาคนรอบกายในเวลานั้นได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าคุณไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง